วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ข้าวเป็นยาได้

ข้าวเป็นยาได้
องค์ความรู้ของชมรมหมอพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี 
 โดย พัชริน วิจิตรอลงกรณ์ และคณะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

       พวกเรามักจะรู้จักข้าวในรูปของอาหาร แต่ใครจะรู้ว่าข้าวก็เป็นยาได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต แต่จริงๆ แล้วข้าวไม่ได้มีแค่คาร์โบไฮเดรต แต่ยังมีสารอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์อีกมากในเมล็ดข้าวประกอบด้วยเปลือกข้าวหรือแกลบ (Rice Husk) 20 % รำข้าวหรือเยื่อสีน้ำตาลที่หุ้มเมล็ดข้าว (Rice Bran) 10 % และเมล็ดข้าว (Rice Kernel) ที่นำมารับประทานกัน 70 % จากกระบวนการผลิตรำข้าวจัดเป็นผลพลอยได้จากการขัดสีข้าว คนส่วนใหญ่มักจะบริโภคข้าวขัดขาวซึ่งก็จะได้แป้งและวิตามิน ถ้าบริโภคข้าวกล้องจะมีประโยชน์มากกว่าข้าวขัดขาวเพราะข้าวกล้องคือ ข้าวที่สีเอาเปลือก หรือแกลบออก ไม่ได้ขัดสีเอารำออก ข้าวกล้อง มีวิตามิน โปรตีน และเกลือแร่ต่างๆ รวมแล้ว มากกว่า 20 ชนิด แสดงว่า กินข้าวที่ด้อยคุณภาพกว่า ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าที่ควร และก็เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่เอารำข้าวไปให้สัตวก์ ิน สัตว์ก็เลยแข็งแรงแทนที่คนเราจะแข็งแรง (วารสารอภัยภูเบศรสาร)
       จากบทความของศ.นพ.วิจิตร บุณยะโหตระ ที่ได้เขียนลงนิตรสาร Fitness ได้รวบรวมข้อดีของการบริโภคข้าวกล้องไว้ สรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้ ป้องกันโรคเหน็บชา เพราะข้าวกล้องมีวิตามินบีหนึ่งมากกว่าข้าวขาประมาณ 4 เท่า ป้องกันโรคปากนกกระจอก เพราะมีวิตามินบีสอง บรรเทาอาการอ่อนเพลีย อาการปลายประสาทอักเสบ เพราะมีวิตามินบีรวม ดังนั้นท่านที่ไม่มีแรง ต้องการการบำรุง ก็ไม่ต้องไปหายาอื่นไกล รับประทานข้าวกล้องก็หาย ป้องกันโรคโลหิตจาง เพราะมีธาตุเหล็ก ช่วยในการเจริญของกระดูก เพราะมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส ป้องกันอาการท้องผูก ซึ่งการท้องผูกเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะมีกากอาหารหรือที่เรียกว่า ไฟเบอร์สูงมาก นอกจากธาตุอาหารต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้นแล้วข้าวกล้องยังมีโปรตีนมากกว่าข้าวขัดขาวถึง20-30% และมีแป้ง (คาร์โบไฮเดรต) น้อยกว่าข้าวขาวด้วย
       แต่โบราณมาข้าวเป็นยา มีให้กินทุกบ้านทุกฐานถิ่น กว่าจะมาเป็นข้าวให้เรากิน ชาวนาใช้กำลังเกือบทั้งปี ต้องทนแดดทนฝนทนลมหนาวกว่าจะได้ข้าวจากนามาถึงนี่ คนกินข้าวควรนึกดูให้ดี ข้าวนี้มีพระคุณต่อเราไม่เบาเลย จากคำกลอนของหลวงปู่ประสงค์ สุมมโน หลังจากที่ได้มีการประชุมระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับข้าวที่นำมาเป็นยารักษาโรค และยังใช้ในชีวิตประจำวันนั้นมากมายเลยคณานับ แต่ที่ได้ระดมองค์ความรู้เรื่องข้าวเป็นยาจากหมอพื้นบ้าน ก็พบว่า ทุกส่วนของข้าวล้วนเป็นยาที่พ่อแม่สืบทอดสั่งสม ส่งต่อให้ลูกหลานได้ใช้ดูแลรักษาตนเองเมื่อยามเจ็บไข้ได้ป่วย ประโยชน์ของข้าวตั้งแต่รากถึงรวงนั้น หมอพื้นบ้าน 25 คนในชมรมหมอพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ต่างให้ความเห็นว่า ใน 14 ตำรับล้วนแล้วแต่ผ่านการใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของหมอทุกคนได้ใช้ข้าวในการนำมาสมานแผล แก้ปวด แก้ไอ แก้พิษ บำรุงกำลังร่างกาย ตลอดจนทำให้ชีวิตของทุกคนเติบโตสร้างสรรค์สังคมให้ดีให้งามสืบต่อกันมา
       ซึ่งสรรพคุณของข้าวในหนังสือที่ได้กล่าวไว้ในเภสัชกรรมไทยมีดังนี้คือ
       1. ข้าวงอก เป็นข้าวที่กำลังงอก รสหวาน แก้ไขร้อน แก้อ่อนเพลีย
       2. ข้าวสาร เป็นข้าวที่ กะเทาะเปลือกออก สมัยก่อนใช้ซ้อมมือ ไม่ขัดผิว รสมัน หอม
หวาน บำรุงร่างกาย แก้ตาฟาง แก้เหน็บชาแช่น้ำตำเป็นแห้งพอกแก้คุณผี คุณคน แก้บวม
แก้ปวด
        3. รวงข้าว,นมข้าว เป็นข้าวจากรวงที่ยังอ่อน เนื้อในเมล็ดเป็นน้ำ รสหวานมัน บำรุง กำลัง
บำรุงร่างกาย
       4. ข้าวเปลือก นิยมใช้ข้าวเปลือกใหม่ที่ยังมีละอองขาวติดอยู่ แก้กระษัย
       5. รากข้าว นิยมเก็บข้าวจากต้นที่สูงประมาณ 10 นิ้ว แก้ซางขโมย
       6. ซังข้าว คือ ตอของต้นข้างหลังการเก็บเกี่ยว ขับระดู
       7. ข้าวตัง คือ ข้าวที่แข็งติดก้นหม้อ พอกดูดหนองฝี แก้พิษบาดแผล แก้ไข
       8. ข้าวตาก คือ ข้าวที่หุงสุกแล้ว นำไปตากให้แห้ง เอามาคั่ว แก้โลหิต ขับระดู
       9. ข้าวเหนียวดำ ข้าวเหนียวดำกันยา ข้าวสารดำ เป็นข้าวเหนียวพันธุ์หนึ่ง ที่มีเมล็ดสีดำ แก้
โรคตา
       10. ข้าวสารค้างครก คือ ข้าวสารที่ตกลงข้างครกขณะตำข้าว แก้ซางเด็ก
       11. ข้าวติดเหน้าตะโพน คือ ข้าวที่สุกแล้ว นำมาผสมขี้เถ้า ติดหน้าตะโพน แก้ตกเลือด
       12. น้ำขาว นั้นมีรสหวานมันเย็น บำรุงร่างกาย แก้โรคตาฝ้าผาง ตาบอดกลางคืน แก้เหน็บชา
       13. น้ำซาวข้าว รสเย็น ถอนพิษผิดสำแดง แก้ร้อนในกระหายน้ำ


       โลกมีความต้องการข้าวความต้องการบริโภคของโลกประมาณ 417.7 ล้านตัน ประเทศไทยเป็น ประเทศที่ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก ด้วยสัดส่วนการส่งออก ร้อยละ 36 รองลงมาคือ เวียดนาม ร้อยละ 20 อินเดีย ร้อยละ 18 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ14 ปากีสถาน ร้อยละ 12 ตามลำดับ
สถิติลำดับประเทศที่ผลิดข้าว
 ลำดับ  ประเทศ  จำนวน
(in Tsd. t)
 ลำดับ  ประเทศ  จำนวน
(in Tsd. t)
   1 ธงของสาธารณรัฐประชาชนจีน จีน    181.900    11 ธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกา    10.126
   2 ธงของสาธารณรัฐอินเดีย อินเดีย    130.513    12 ธงของประเทศปากีสถาน ปากีสถาน    7.351
   3 ธงของประเทศอินโดนีเซีย อินโดนีเซีย    53.985    13 ธงของประเทศเกาหลีใต้ เกาหลีใต้    6.435
   4 ธงของประเทศบังกลาเทศ บังกลาเทศ    40.054    14 ธงของประเทศอียิปต์ อียิปต์    6.200
   5 ธงของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เวียดนาม    36.341    15 ธงของประเทศกัมพูชา กัมพูชา    4.200
   6 ธงชาติของไทย ไทย    27.000    16 ธงของสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เนปาล    4.100
   7 ธงของสหภาพเมียนมาร์ พม่า    24.500    17 ธงของประเทศไนจีเรีย ไนจีเรีย    3.542
   8 ธงของประเทศฟิลิปปินส์ ฟิลิปปินส์    14.615    18 ธงของประเทศอิหร่าน อิหร่าน    3.500
   9 ธงของประเทศบราซิล บราซิล    13.141    19 ธงของสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ศรีลังกา    3.126
   10 ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น    11.342     รวม 618.440
 จาก วิกิพีเดีย
ฟังเพลิงเปิบข้าว ของคาราวาน เราจะเห็นคุณค่าของข้าว
*******
รวงข้าวจาก http://www.ecovillager.org/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น